Fourier Intelligence บริษัทจากเซี่ยงไฮ้วางแผนผลิตหุ่นยนต์รุ่น GR-1 จำนวนมาก (Mass Production) ในช่วงปลายปี 2023 ตั้งเป้าส่งมอบหุ่นยนต์มากกว่าพันตัวในปีหน้า โดยจะมีการร่วมมือกับบริษัท AI ชั้นนำเพื่อทำงานด้านสมองของหุ่นยนต์
Tag: Robotics
ตลาดหุ่นยนต์อุตสาหกรรมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนจากกลุ่มของเทคโนโลยีที่มีความต้องการความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น โดยแต่เดิมตลาดหุ่นยนต์นั้นเป็นตลาดของหุ่นยนต์ที่มีตำแหน่งประจำตายตัวแต่ในปัจจุบันตลาดของหุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้นั้นมีความต้องการอย่างมาก
การขยายตัวในการใช้งานสำหรับปี 2019 ที่ผ่านมาทำให้หลายองค์กรวางแผนขยายสัดส่วนการใช้งานสำหรับธุรกิจในระะยเวลา 5 ปีนับจากนี้ ซึ่งกลุ่มร้านค้าปลีกนับว่ามีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดความต้องการเหล่านี้ คาดการณ์ว่าในปี 2025 นั้นจะมีหุ่นยนต์เคลื่อนที่มากกว่า 150,000 ตัวถูกติดตั้งใช้งาน
“คุณค่าสำหรับหุ่นยนต์เคลื่อนที่ในกลุ่มงาน Intralogistics นั้นเป็นอะไรที่เราคุ้นเคยและคาดเดากันได้อยู่แล้ว ด้วยค่าจ้างแรงงานที่สูงจนเกินไปและผลลัพธ์ที่ได้มานั้นเรียกว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่ต้องการ การติดตั้งหุ่นยนต์เชิงพาณิชย์เพื่อจัดการกับปัจจับผลักดันต้นทุน ความปลอดภัย รวมถึงลดความสูญเสีย อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์เคลื่อนที่ในตลาดร้านค้าปลีกสามารถเพิ่มมูลค่าในรูปแบบอื่นได้อีกเช่นกัน” Rian Whiiton, Senior Robotics Analyst แห่ง ABI Research
ปัจจุบันมีการใช้งานหุ่นยนต์ในการทำความสะอาดพื้น ระบบเก็บข้อมูลคลังสินค้าด้วย การใช้ระบบอัตโนมัติในการหยิบจับชิ้นส่วน Ecosystem ที่เกี่ยวข้องจึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง เช่น Amazon Mobile Robotics ที่มีการใช้ระบบนำทางด้วยภาพ ผู้พัฒนาจาก Humatics ที่ให้ความสำคัญกับการนำทางเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ในอาคารกับพื้นที่กลางแจ้งด้วยตัวส่งสัญญาณที่มีระยะกว้างเป็นพิเศษทำให้ลงรายละเอียดได้ถึงระดับมิลลิเมตร
ยกตัวอย่าง Walmart ร้านค้าปลีกชื่อดังมีการติดตั้งหุ่นยนต์กว่า 350 ตัวในระบบบริหารจัดการคลังสินค้าในปี 2019 หรือเฉลี่ยแล้ว 1 สาขาจะต้องมีหุน่ยนต์ 1 ตัว ซึ่งหุนยนต์ในกลุ่มนี้มีตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วแต่มีความท้าทายอยู่ที่การติดตั้งและประยุกต์ใช้งาน ยกตัวอย่างบริษัท Bossa Nova ได้คาดการณ์ไว้ว่าการใช้หุ่นเคลื่อนที่ในการส่งขอจะเพิ่มขึ้นเป็ฯเท่าตัวทุกปีในอีกครึ่งทศวรรษ จะมีการเก็บข้อมูลราว 10 Terabytes ต่อวันซึ่งจะเป็นภาระให้กับผู้บริการ Cloud อย่างมาก รวมถึงการเติบโตทางเทคโนโลยีของเหล่าผู้พัฒนาชิปทั้งหลายอย่าง Nvidia, Qualcomm และ Intel ที่ต้องการตัวประมวลผลที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำหรับบริษัทค้าปลีกนั้นไม่สามารถบูรณาการระบบในสัดส่วนขนาดใหญ่ได้เนื่องจากมันยังคงมีความแตกต่างกับการติดตั้งระบบในที่พักอาศัยจึงยังต้องการ SI (System Integrator) ในการทำงานตรงนี้
ลูกค้าต้องการความแม่นยำและความรวดเร็วในการขนส่งที่ต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ค้าส่งนั้นสามารถตอบสนองต่อความเร่งรีบรวดเร็วของธุรกิจที่เป็นอยู่ซึ่งรายรอบไปด้วยหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ
“ผู้ค้าส่งกำลังหาทางแข่งขันกับ E-Commerce เหมือนกับการเผชิญหน้าบนทางลาดชันโดยปราศจากช่องทางที่หลากหลายในการสนับสนุนการทำงาน การขนส่ง และส่งมอบความพึงพอใจให้กับลูกค้า การเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้พัฒนาหุ่นยนต์ที่มีความเชี่ยวชาญในข้อมูลและการบริหารจัดการคลังสินค้าสามารถขยายความสามารถของผู้ค้าปลีกได้” Rian Whitton
ที่มา:
Abiresearch.com